นโยบายการส่งเสริมและมาตรการสนับสนุน

3.3 นโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
3.3.1 การจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT)

        Feed-in Tariff หรือ FiT เป็นหนึ่งในมาตรการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อจูงใจ ให้ผู้ที่สนใจเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยอัตรา FiT จะอยู่ในรูปแบบ อัตรารับซื้อไฟฟ้าคงที่ตลอดอายุโครงการ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามค่าไฟฟ้าฐานและค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft)

        ในปี พ.ศ. 2565 กกพ. ได้มีประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี พ.ศ. 2565 - 2573 ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผน PDP2018 rev.1 ในช่วงปี พ.ศ. 2564 – 2573 สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดกำลังผลิตไม่เกิน 90 เมกะวัตต์ รวม 2,368 เมกะวัตต์ และสำหรับพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานขนาดกำลังการผลิตมากกว่า 10 เมกะวัตต์ แต่ไม่เกิน 90 เมกะวัตต์ จำนวน 1,000 เมกะวัตต์ ตารางที่ 3.2 แสดงเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และอัตราการรับซื้อไฟฟ้า ในรูปแบบ FiT ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผน PDP2018 rev.1 ในช่วง ปี พ.ศ. 2564 - 2573 ทั้งนี้ กรณี Solar+BESS จะมีเงื่อนไขในการรับซื้อตามรูปแบบสัญญา Partial Firm ซึ่งมีการระบุปริมาณการซื้อขายไฟฟ้าในช่วงระยะเวลาที่กำหนด

ตารางที่ 3.2 เป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผน PDP2018 rev.1 ในช่วงปี พ.ศ. 2564 - 2573
ประเภทโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ รวม (เมกะวัตต์) FiT
(บาทต่อหน่วย)
ระยะเวลาสนับสนุน (ปี)
Solar Farm + BESS 1,000 2.8331 25
Solar Farm 2,386 2.1679 25

        มาตรการดังกล่าวมีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์และลงนามสัญญาในปี พ.ศ. 2566 ในกลุ่มของพลังงานแสงอาทิตย์ 153 ราย มีกำลังการผลิตที่เสนอขายรวม 3,363.06 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 129 ราย กำลังการผลิตรวม 2,368.00 เมกะวัตต์ และกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน 24 ราย กำลังการผลิตรวม 994.06 เมกะวัตต์ ดังแสดงในตารางที่ 3.3

ตารางที่ 3.3 ผลการดำเนินงานมาตรการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ระยะที่ 1 ปี พ.ศ. 2566
ประเภทเชื้อเพลิง เป้าหมาย
(เมกะวัตต์)
ยื่นคำขอ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก
โครงการ ปริมาณเสนอขาย โครงการ ปริมาณเสนอขาย
ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) 335 2 6.50 - -
พลังงานลม 1,500 94 5,618.97 22 1,490.20
พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน 1,000 51 2,160.19 24 994.06
พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 2,368 482 9,226.27 129 2,368.00
รวม 5,203 629 17,011.93 175 4,852.26
ที่มา: รายงานประจำปี พ.ศ. 2566 สำนักงาน กกพ.
3.3.2 การรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาสำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย (โซลาร์ภาคประชาชน)

        กกพ. ได้มีประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย ในช่วงปี พ.ศ. 2564 - 2573 เป้าหมายรวม 90 เมกะวัตต์ โดยกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าอยู่ที่ 2.2 บาทต่อหน่วย และระยะเวลาสัญญา 10 ปี ซึ่งผลการดำเนินงาน ในปี พ.ศ. 2566 แสดงในตารางที่ 3.4 โดยพบว่ามีผู้ยื่นขอสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 7,859 ราย กำลังการผลิตติดตั้ง 43.15 เมกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้ ได้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 6,410 ราย กำลังการผลิต ติดตั้ง 35.21 เมกะวัตต์

ตารางที่ 3.4 การดำเนินโครงการโซลาร์ภาคประชาชนช่วงปี พ.ศ. 2565 - 2566
เป้าหมาย
(เมกะวัตต์)
ยื่นขอและประกาศรายชื่อแล้ว จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพานิชย์แล้ว
จำนวนโครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง จำนวนโครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง
ราย เมกะวัตต์ ราย เมกะวัตต์
90 7,859 43.15 6,410 35.21
ที่มา: กฟน. และ กฟภ.
รูปที่ 3.2 ผลการดำเนินโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 - 2566
ที่มา: กฟน. และ กฟภ.
3.3.3 โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบมุ่งเป้า แบบที่เชื่อมต่อระบบโครงข่าย ไฟฟ้า (On-grid)

       สำนักงาน กกพ. ได้ดำเนินการสนับสนุนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้โครงการ ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบมุ่งเป้า โดยได้จัดสรรเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย มาตรา 97 (4) โดยเป็นโครงการสำหรับหน่วยงานด้านสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2566 โดยปี พ.ศ. 2564 ได้สนับสนุน โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ระยะที่ 1 จำนวน 68 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 6.8 เมกะวัตต์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2565 ได้สนับสนุนโรงพยาบาลของคณะแพทย์ศาสตร์ สังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 11 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 3.07 เมกะวัตต์ และโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จำนวน 10 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 2.79 เมกะวัตต์

       ในปี พ.ศ. 2566 ได้สนับสนุนโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ระยะที่ 2 จำนวน 151 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 29.91 เมกะวัตต์ และสำนักงาน กกพ. ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือในการดำเนินงาน เพื่อการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกรมแพทย์ทหารบก ระยะที่ 1 โดยจะมีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงพยาบาลในสังกัด 16 แห่ง งบประมาณรวม 49.95 ล้านบาท ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1.66 เมกะวัตต์

pic_3-3
รูปที่ 3.3 ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ บนหลังคาโรงพยาบาลไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
ขนาดกำลังการผลิต 100 kW ภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบมุ่งเป้า
ที่มา: The Standard (thestandard.co)
3.3.4 นโยบายขับเคลื่อนการใช้พลังงานทดแทน โดยกระทรวงสาธารณสุข

       ในปี พ.ศ. 2566 กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศนโยบายให้มีเป้าหมายการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1,855 แห่ง ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม 178.78 เมกะวัตต์ เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดได้ตระหนักถึงการใช้พลังงานและพลังงานสะอาด ลดการปล่อย CO2 และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค โดยดำเนินงานร่วมกับ กฟภ. กฟน. และสำนักงาน กกพ. ซึ่งในปี พ.ศ. 2566 ได้มีการติดตั้งแล้วเสร็จรวม 1,333 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 66.88 เมกะวัตต์

pic_3-4
รูปที่ 3.4 ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ บนหลังคาอาคารผู้ป่วยใน โรงพยาบาลแม่ลาน้อย
อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขนาดกำลังการผลิต 50 kW
ที่มา: ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1
3.3.5 การกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff: UGT)

        Utility Green Tariff (UGT) คือ อัตราค่าพลังงานไฟฟ้าของ “ไฟฟ้าสีเขียว” หรือไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน เป็นหนึ่งในมาตรการทางเลือกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า ที่มีความต้องการไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาดโดยมีภาครัฐเป็นตัวกลางในการจัดหา ซึ่งในการซื้อไฟฟ้าสีเขียว จะได้รับใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) เพื่อแสดงถึงการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนตามมาตรฐานสากลโดยมติที่ประชุม กพช. เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบแนวทางการกำาหนดอัตราค่าบริการ UGT โดยประกอบด้วย

1)

ประเภทที่ 1 อัตราค่าไฟฟ้าสีเขียวสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้า (UGT-1) ซึ่งเป็นการนำ REC ของโรงไฟฟ้าเดิมที่รัฐมีกรรมสิทธิ์มาให้บริการร่วมกับการให้บริการพลังงานไฟฟ้า ในลักษณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ต้องเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้าและ REC ในการขอรับบริการ โดยมีอัตราค่าบริการส่วนเพิ่ม (Premium) เพิ่มเติมจากอัตราค่าไฟฟ้าปกติ

2)

ประเภทที่ 2 คือ อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้า (UGT-2) ซึ่งเป็น การจัดหาพลังงานไฟฟ้า ทั้งจากพลังงานหมุนเวียนใหม่และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเดิมในระบบไฟฟ้าทั้งของรัฐและเอกชน โดยผู้ใช้ไฟฟ้าต้องเจาะจงกลุ่มโรงไฟฟ้า (Portfolio) ในการรับบริการและอัตราค่าบริการ ซึ่งพิจารณากำหนดจากต้นทุนการให้บริการพลังงานไฟฟ้าและ REC ของแต่ละ Portfolio รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ

        รูปที่ 3.5 แสดงแหล่งที่มาของไฟฟ้าสีเขียวกับการกำหนดราคาค่าบริการทั้งสองประเภท ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2566 กกพ. ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและจะได้มีการประกาศหลักเกณฑ์การให้บริการและการกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวในราชกิจจานุเบกษาต่อไปในช่วงต้นปี พ.ศ. 2567

pic_3-5
รูปที่ 3.5 แนวทางในการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสีเขียว (UGT) และแหล่งที่มาของไฟฟ้าสีเขียว
ที่มา: รายงานสถานภาพการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ของประเทศไทยปี 2565
3.3.6 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ

        กฟผ. ได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้ารูปแบบไฮบริดจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังน้ำจากเขื่อน โดยในปี พ.ศ. 2565 ได้มีการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ ขนาดกำลังการผลิต 24 เมกะวัตต์ ร่วมกับระบบแบตเตอรี่ประเภทลิเที่ยมไอออน ขนาด 6 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ณ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ครอบคลุมพื้นที่ผิวน้ำ 320 ไร่ ซึ่งมีกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในปี พ.ศ. 2566 แต่เนื่องด้วยปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของ จ.ขอนแก่น ในช่วงไตรมาส 4 ของปี พ.ศ. 2566 จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินโครงการ และคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2567 โดยระบบนี้เป็นระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์บนทุ่นลอยแบบไฮบริดโครงการที่ 2 ตามแผน PDP2018 rev.1

pic_3-6
รูปที่ 3.6 ขั้นตอนการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ณ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น
ที่มา: กฟผ.
pic_3-7
รูปที่ 3.7 โครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์บนทุ่นลอยแบบไฮบริด ตามแผน PDP 2018 rev.1
3.3.7 แผนพัฒนาระบบส่งไฟฟ้า

        กฟผ. ดำเนินการตามแผน PDP2018 rev.1 เพื่อรองรับระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือโครงการพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกอื่นๆ รวมถึงรองรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid: APG) โดยประกอบด้วย งานก่อสร้างสายส่ง 500 kV และ 230 kV งานขยายสถานีไฟฟ้าแรงสูง รวมถึงงานติดตั้งหม้อแปลง โดยมีรายละเอียดการดำเนินงานที่แตกต่างออกไปตามแต่ละพื้นที่ของประเทศ เช่น โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (Transmission System Improvement Project in Northeastern, Lower Northern, Central Regions and Bangkok Area to Enhance System Security: TIEC) โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคเหนือตอนบน เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (Transmission System Improvement Project in Northern Region to Enhance System Security: TIPN) โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคใต้ตอนล่าง เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (Transmission System Improvement Project in Lower Southern Region to Enhance System Security: TILS) ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี พ.ศ. 2569 - 2571

        นอกจากนี้ ยังมีงานปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าเพื่อรองรับการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กระยะที่ 1 (SPP1) ซึ่งเป็นการปรับปรุงระบบไฟฟ้าสำหรับรองรับการรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP ตามมาตรการรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า PDP2018 Rev.1 ที่มีกำหนดเชื่อมต่อไฟฟ้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 - 2567 คาดว่าแล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. 2569

3.3.8 มาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

        สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์และผู้ประกอบการที่นำเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้งาน โดยจากประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 9/2565 เรื่องมาตรการการลงทุนอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ BOI จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ 3 ประเภทกิจการดังนี้

1.

ผู้ประกอบกิจการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์และ/หรือวัตถุดิบสำหรับเซลล์แสงอาทิตย์ (ประเภทกิจการ 4.2.12.1)

2.

ผู้ประกอบกิจการผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากเซลล์แสงอาทิตย์ที่ผลิตในโครงการเดียวกัน (ประเภทกิจการ 4.2.12.2)

3.

ผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำจากพลังงานหมุนเวียน (ประเภทกิจการ 7.1.1.2)

        โดยทั้งสามประเภทกิจการจะได้รับสิทธิประโยชน์ประเภท A2 (ตารางที่ 3.5) ผู้ประกอบการยังได้รับสิทธิประโยชน์ เพิ่มเติมในกรณีตั้งสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมที่กำหนด หรือเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตามประกาศ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 17/2565 18/2565 และ 19/2566

        นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์แล้ว BOI ยังมี การสนับสนุนผู้ประกอบการที่ดำเนินมาตรการการใช้พลังงานทดแทน ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 15/2565 เรื่อง มาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry)

        ตารางที่ 3.6 แสดงข้อมูลการขอรับการส่งเสริมการลงทุน (ขั้นตอนขอรับการส่งเสริม) ในปี พ.ศ. 2565 - 2566 จากข้อมูลพบว่า ในปี พ.ศ. 2566 มีการขอรับการส่งเสริมมูลค่ารวม 71,143.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2565 ร้อยละ 25.29 ในจำนวนนี้ มีผู้ยื่นขอการสนับสนุนสำหรับกิจการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ และ/หรือวัตถุดิบสำหรับเซลล์แสงอาทิตย์ 10 โครงการ มูลค่ารวม 26,252.50 ล้านบาท ซึ่งจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นมากกว่าปี พ.ศ. 2565 กว่า 3 เท่า มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30

boi_measure

ตารางที่ 3.5 การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOI
ประเภทกิจการ ผู้ประกอบกิจการผลิต
เซลล์แสงอาทิตย์ และ/หรือวัตถุดิบ
สำหรับเซลล์แสงอาทิตย์
(ประเภทกิจการ 4.2.12.1)
ผู้ประกอบกิจการผลิต
แผงเซลล์แสงอาทิตย์จาก
เซลล์แสงอาทิตย์ที่ผลิต
ในโครงการเดียวกัน
(ประเภทกิจการ 4.2.12.2)
ผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า
หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำ
จากพลังงานหมุนเวียน
(ประเภทกิจการ 7.1.1.2)
เงื่อนไข การลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ต้องมีขนาดการลงทุนไม่น้อยกว่า 500,000 บาท
โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน
ต้องมีกรรมวิธีการผลิตและ ผลผลิตเชิงพลังงาน
(Energy Yield) ตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ
สำหรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน
แสงอาทิตย์ต้องมีกำลังผลิตติดตั้ง
ไม่น้อยกว่า 200 กิโลวัตต์ ในแต่ละ
จุดจำหน่ายไฟฟ้า
สิทธิประโยชน์ A2
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี โดยกำหนดสัดส่วนการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
ร้อยละ 100 ของเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน (เพิ่มเป็นร้อยละ 200 กรณี SMEs)
ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักร
ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของนำเข้าเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา
ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบหรือวัสดุจำเป็นสำหรับ การผลิตเพื่อส่งออก
ตารางที่ 3.6 แสดงข้อมูลการขอรับการส่งเสริมการลงทุน (ขั้นขอรับการส่งเสริม) ในปี พ.ศ. 2565 - 2566
ประเภท พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566
จำนวนโครงการ เงินลงทุน
(ล้านบาท)
จำนวนโครงการ เงินลงทุน
(ล้านบาท)
4.2.12.1 กิจการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์
และ/หรือวัตถุดิบสำหรับเซลล์แสงอาทิตย์
3 20,471.60 10 26,252.50
4.2.12.2 กิจการผลิตแผงเซลล์แสง
อาทิตย์จากเซลล์แสงอาทิตย์ที่ผลิตใน
โครงการเดียวกัน
- - 1 55
7.1.2 กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือ พลังงาน
ไฟฟ้าและไอน้ำจากพลังงานหมุนเวียน เช่น แสง
อาทิตย์ ลม ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ เป็นต้น ยกเว้น
ขยะ หรือ เชื้อเพลิงจากขยะ
471 36,308.40 431 44,836.20
รวม 474 56,780 442 71,143.70
ที่มา:
สถิติส่งเสริมการลงทุน แยกประเภทกิจการย่อย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน